Pages

Thursday, February 14, 2013

Using Story Jokes for Real Communication


Using Story Jokes for Real Communication ใช้เรื่องตลกสำหรับการติดต่อสื่อสารจริง
picture from:http://legit-humor.tumblr.com/

  การเรียนการสอนในภาษาเดียว หรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่พูดภาษาอังกฤษ คือตัวเวลาที่จะทำลายภาษาของคุณ คุณจะต้องให้นักเรียนใช้ภาษาสื่อสารกับคนอื่นๆอย่างแท้จริง

เรื่องราวตลกเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมทางภาษา การเล่ามักจะเริ่มขึ้นด้วย " คุณเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ......" และสุดท้ายมันจะจบลงด้วยเสียงหัวเราะ  เสียงครำ่ครวญ หรือแม้กระทั้งการขอโทษ  บางครั้งเสียงตอบรับอาจจะเป็น "ผมไม่เข้าใจมัน"  และสุดท้ายพวกเข้าก็จะพัฒนามุขตลกให้เป็นธรรมชาติมากชึ้น
  การใช้มุขตลกในชั้นเรียน  โดยให้นักเรียนฝึกใช้มัน จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ  นอกจากนี้ยังได้เรียนรู่้วัฒนธรรมของภาษาได้อีกด้วย

Warming up  แบบฝึกที่ดีของการสอนมุขตลกในห้องเรียน คือ เริ่มต้นด้วยการบอกเรื่องตลกที่แย่ๆ  เพื่อจะให้นักเรียนรู้ว่าเรื่องตลกบางเรื่องก็ไม่ได้ตลกเสมอไป  ต่อจากนั้นให้นักเรียนจำเรื่องตลก โดยมีซับแปล และให้นักเรียนนำเรื่องตลกนั้นไปเล่าให้เพื่อนฟัง โดยมีเทคนิคดั้งนี้ 
1.  เริ่มต้นด้วยนำ้เสียงที่เคร่งขรึ้ม จริงจัง
2.  แสดงท่าทางลังเลก่อนที่จะพูประโยคเด็ด
3.  ปล่อยหมัดเด็ดแบบตรงไปตรงมา
 บอกนักเรียนให้ฝึกปฎิบัติกับเพื่อนหลายๆ คน

เรื่องตลก
1. สามารถหาเรื่องตลกแบบสั้นได้จากนิตยาสาร ตำรา หรือแม้กระทั้งเพื่อนของคุณเอง
2. เขียนเรื่องราวตลกของนักเรียนเอง
3. เขียนเรื่ิงตลกลงบนกระดาษ
4. นำเรื่องตลกไปไปเล่าให้เพื่อนในห้องฟัง ถ้าหากมีเพื่อนมีเรื่องตลกที่ซำ้กัน มันจะดีมากเพราะจะเรียนรู้ปฎิกิริยาจริงเมื่อคนได้ฟังเรื่องตลกนั้นมาแล้ว
5. แจกจ่ายกระดาษที่เขียนเรื่องราวตลกของนักเรียนแต่ละคนให้เพื่อนในห้องดู แล้วให้เพื่อนช่วยกันดูว่ามันตลกหรือไม่อย่างไร แล้วนำมาปรับปรุง
6. ครูสั่งให้นักเรียนกระจายไปรอบๆห้อ โดยการจำลองสถานการณ์เป็น พับ บาร์ หรืองานสังคมต่างๆ
ให้นักเรียนเล่าเรื่องตลกของตนเอง โดยทำตามเทคนิคข้างต้น ให้พวกเขาเรียนรู้ปฎิกิยาจากเพื่อน การสื่อสารกับผู้อื่น


คุณค่าของการใช้เรื่องตลกมาสอนในห้องเรียนนั้นนองกากจะทำให้นักเรียนได้พัฒนาการใช้ภาษาแล้ว  ยังทำให้สนุก


Reference: William DeFelice." Using Story Jokes for Real Communication" English Teaching Forum 2012: 43-44. print.

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment